จิ่วจ้ายโกว (九寨沟 – Jiuzhaigou) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หุบเขาเก้าหมู่บ้าน” เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในประเทศจีน ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 450 กิโลเมตร สถานที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของยูเนสโกตั้งแต่ปี 1992 และเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ความงามที่หาดูไม่ได้ที่ไหน
จิ่วจ้ายโกวขึ้นชื่อเรื่องความงามของธรรมชาติที่ดูเหมือนภาพวาดสีน้ำที่มีชีวิต ทะเลสาบใสแจ๋วสีฟ้าเขียวที่สะท้อนภูเขาและต้นไผ่ น้ำตกขาวโพลนที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง และป่าไผ่เขียวชอุ่มที่แกว่งไกวในสายลม ทุกอย่างผสมผสานกันจนเกิดเป็นภาพที่งดงามจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้
อุทยานแห่งนี้มีทะเลสาบกว่า 108 แห่ง น้ำตกมากกว่า 17 แห่ง และธารน้ำนับไม่ถ้วน แต่ละแห่งล้วนมีเอกลักษณ์และความงามที่แตกต่างกันออกไป สีสันของน้ำที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลและมุมมองก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องหลงใหล
จุดเด่นที่ไม่ควรพลาด
ทะเลสาบห้าดอกไผ่ (Five Flower Lake) ถือเป็นจุดไฮไลท์หลักของจิ่วจ้ายโกว ทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่หลากหลายตั้งแต่สีฟ้าเข้ม เขียวมรกต ไปจนถึงสีเหลืองและส้ม ขึ้นอยู่กับความลึกของน้ำและแร่ธาตุที่ละลายอยู่ในน้ำ ความใสของน้ำทำให้สามารถมองเห็นก้นทะเลสาบและต้นไม้ที่จมอยู่ใต้น้ำได้อย่างชัดเจน
น้ำตกหนูอ่างหลง (Nuorilang Waterfall) เป็นน้ำตกที่กว้างที่สุดในจิ่วจ้ายโกว กว้างกว่า 320 เมตรและสูง 24.5 เมตร เสียงน้ำตกที่ดังก้องกังวานและละอองน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาสร้างสายรุ้งในวันที่แสงแดดส่องใส เป็นภาพที่สวยงามและน่าประทับใจอย่างยิ่ง
ป่าไผ่ของชาวธิเบต ตั้งอยู่ในหุบเขาเซ่อชู่ไจ เป็นป่าไผ่ขนาดใหญ่ที่มีทางเดินไม้สำหรับนักท่องเที่ยวเดินชม เสียงใบไผ่ที่แกว่งไกวและกิ่งไผ่ที่เสียดสีกันสร้างเสียงเพลงธรรมชาติที่นุ่มนวลและผ่อนคลาย
วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิน
จิ่วจ้ายโกวไม่เพียงแต่มีความงดงามทางธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นที่อยู่ของชนเผ่าธิเบตและเฉียง ซึ่งมีวัฒนธรรมและประเพณีที่เก่าแก่และน่าสนใจ หมู่บ้านเก้าแห่งที่ให้ชื่อแก่จิ่วจ้ายโกวยังคงมีชาวบ้านอาศัยอยู่และรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
นักท่องเที่ยวสามารถชมการแสดงดนตรีและการเต้นรำของชนเผ่าท้องถิน ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองที่มีรสชาติเฉพาะตัว และซื้อหัตถกรรมท้องถิ่นเป็นของฝาก การเยี่ยมชมหมู่บ้านเหล่านี้จะเพิ่มมิติใหม่ให้กับการท่องเที่ยวและทำให้เข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น
การเดินทางและที่พัก
การเดินทางไปจิ่วจ้ายโกวสามารถเลือกได้หลายวิธี วิธีที่สะดวกที่สุดคือบินจากเฉิงตูไปยังสนามบินจิ่วจ้าย-หวงหลง แล้วต่อรถบัสหรือแท็กซี่ไปยังอุทยาน หรือเดินทางโดยรถบัสจากเฉิงตูซึ่งใช้เวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมง แต่จะได้ชมทิวทัศน์ระหว่างทางที่สวยงาม
สำหรับที่พัก มีโรงแรมและรีสอร์ทหลากหลายระดับให้เลือก ตั้งแต่โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวไปจนถึงเกสต์เฮาส์เรียบง่าย การจองที่พักล่วงหน้าเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว ราคาที่พักจะแตกต่างกันตามฤดูกาลและระดับความหรู
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม
แต่ละฤดูของจิ่วจ้ายโกวล้วนมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-พฤษภาคม) เป็นช่วงที่ดอกไม้บานสะพรั่งและสีเขียวของธรรมชาติเริ่มกลับมา ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศเย็นสบายและเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมากที่สุด
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (กันยายน-พฤศจิกายน) ถือเป็นฤดูที่สวยที่สุดของจิ่วจ้ายโกว ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม และเหลือง ผสมผสานกับสีเขียวของป่าไผ่สร้างภาพที่งดงามราวกับภาพวาด ส่วนฤดูหนาว (ธันวาคม-มีนาคม) จิ่วจ้ายโกวจะกลายเป็นดินแดนหิมะที่เงียบสงบและมีเสน่ห์แบบอื่น
การวางแผนการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยงจิ่วจ้ายโกวควรใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 วัน เพื่อให้สามารถชมความงามได้อย่างเต็มที่และไม่รีบเร่ง อุทยานแบ่งออกเป็น 3 หุบเขาหลัก คือ หุบเขาฉื่อถูไจ หุบเขาหลิ่ดเส่อ และหุบเขาเซ่อชู่ไจ แต่ละหุบเขาใช้เวลาเดินชมประมาณครึ่งวันถึงหนึ่งวันเต็ม
ภายในอุทยานมีรถบัสสีเขียวให้บริการนำนักท่องเที่ยวไปยังจุดต่างๆ และมีทางเดินไม้สำหรับเดินเท้าชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ผู้ที่รักการถ่ายภาพไม่ควรลืมเตรียมกล้องและแบตเตอรี่สำรอง เพราะความงามของที่นี่จะทำให้อยากถ่ายรูปไม่หยุด
ข้อควรระวังและคำแนะนำ
เนื่องจากจิ่วจ้ายโกวตั้งอยู่ในพื้นที่สูงประมาณ 2,000-4,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล นักท่องเที่ยวบางคนอาจมีอาการเมาแปง้ง ควรดื่มน้ำให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงการออกแรงมากเกินไป การเตรียมยาแก้ปวดหัวและยาแก้เมาค่อนไปก็เป็นสิ่งที่แนะนำ
อุณหภูมิในจิ่วจ้ายโกวเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว แม้ในฤดูร้อนกลางวันอากาศอบอุ่น แต่ตอนกลางคืนอาจหนาวจัด ควรเตรียมเสื้อผ้าหนาวและรองเท้าที่เหมาะสำหรับเดิน รวมถึงป้องกันแสงแดดเพราะที่ระดับความสูงนี้ รังสี UV จะรุนแรงกว่าปกติ
การเคารพธรรมชาติและรักษาความสะอาดของอุทยานเป็นความรับผิดชอบของนักท่องเที่ยวทุกคน ไม่ควรทิ้งขยะหรือนำสิ่งของออกจากอุทยาน การปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุทยานจะช่วยให้ความงามของจิ่วจ้ายโกวคงอยู่สำหรับคนรุ่นหลัง
จิ่วจ้ายโกวไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว แต่เป็นประสบการณ์ที่จะสร้างความประทับใจและความทรงจำที่งดงามตลอดไป ความงามของธรรมชาติที่เหมือนภาพในนิทาน วัฒนธรรมที่หลากหลาย และอากาศที่บริสุทธิ์ ทำให้ทัวร์จิ่วจ้ายโกวเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกใฝ่ฝันที่จะได้มาเยือนสักครั้งในชีวิต